‘ทราเวล สไตลิสต์’ นักออกแบบการท่องเที่ยวไม่จำกัดความสุข : คมคิดธุรกิจนิวเจน เรื่อง /ณุวภา ฉัตรวรฤทธิ์ ภาพ / ฐานิส สุดโต
เมื่อแบกเป้สะพายกระเป๋าเดินทางท่องเที่ยว ที่แม้จะมีจุดหมายเดียวกันแต่เรื่องราวประทับใจของแต่ละคนนั้นมีไม่เหมือนกัน เรียกว่าเป็นเสน่ห์ของการเดินทางที่สามารถตอบโจทย์ความสุขให้ผู้คนได้หลากหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นมีนักท่องเที่ยวที่เปรียบดั่งแฟชั่นนิสต้าประณีตกับการเลือกสรรเสื้อผ้าตอบโจทย์ตัวตนด้วยความชัดเจน เมื่อมาอยู่ในเรื่องของการท่องเที่ยวจึงกลายเป็นเรื่องของการคาดหวังความสุขที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ของธุรกิจท่องเที่ยวแนวใหม่ ที่สาวรักการเดินทาง “บี” ณพีศ์รา เตชาชาญ ให้นิยามว่าเป็นนักออกแบบการเดินทาง หรือ “ทราเวล สไตลิสต์” พร้อมตอบโจทย์นักเดินทางกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
“นักออกแบบการเดินทาง” แตกต่างจากผู้นำทัวร์ทั่วไป ที่ต้องวางแพลนการเดินทางตามจุดประสงค์ที่ลูกทัวร์เจาะจงไว้ในระดับหนึ่งก่อนแล้ว ไม่ใช่การนำเที่ยวด้วยแพลนบังคับตามที่บริษัทกำหนด เปิดรับการวางแผนทั้งในรูปแบบการเดินทางคนเดียว ไปจนถึงระดับองค์กร ตอบโจทย์ความต้องการทั้งหรูหราที่สุด ที่พัก อาหาร จุดหมายที่ต้องแวะเวียนล้วนต้องเป็นที่หนึ่งของประเทศนั้นๆ ไปจนถึงการท่องเที่ยวแบบผจญภัยที่สุด เข้าถึงวิถีชีวิตท้องถิ่นมากที่สุด แม้แต่ทริปที่ต้องการแค่ตระเวนชิมอาหารท้องถิ่นรสชาติดีตลอดวัน พักผ่อนไม่ต้องการโปรแกรมเที่ยวก็ขอเพียงทั่วๆ ไป เมื่อมีโจทย์เข้ามานักออกแบบการเดินทางจึงต้องวางโปรแกรมให้ตรงตามที่นักท่องเที่ยวระบุทุกรายละเอียดและเป็นไปตามงบการเดินทางที่นักท่องเที่ยวกำหนดเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“ธุรกิจทัวร์เริ่มมาจากความรักการเดินทางของครอบครัวบีเอง ตั้งแต่เล็ก 2-3 ขวบ จนโตบีได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวตลอด แรกๆ ได้ไปแบบทัวร์มีโปรแกรมตั้งเอาไว้ พอกลับมาก็มาแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆ ใครไปไหนมาบ้างก็เล่าสู่กันฟังตลอด หลายครั้งที่บีพบว่าเรากับเพื่อนไปประเทศเดียวกันนี่แหละ แต่ได้เจออะไรไม่เหมือนกัน มีทั้งที่เพื่อนได้ไปแต่เราไม่ได้ไปและที่เราไปแต่เพื่อนไม่ได้ไป เลยเห็นข้อบกพร่องของการท่องเที่ยวแบบทัวร์ปกติว่าเราไม่สามารถเก็บทุกอย่างที่เราอยากรู้ได้หมด บางโปรแกรมก็เป็นแบบที่เราเรียกกันว่าชะโงกทัวร์มาแค่รู้แต่ไม่มีเวลาได้ศึกษาดูนานๆ หรือเป็นในรูปแบบการเที่ยวที่เดิมๆ จนตอนไปเรียนที่ประเทศอังกฤษมีโอกาสใช้ชีวิตด้วยตัวเองคนเดียว เวลาหยุดเสาร์อาทิตย์บีตั้งใจออกไปเที่ยววางแพลนให้ครบรอบอังกฤษ รอบยุโรป มีเวลาก็เที่ยวเลยค่ะ จนรู้ข้อมูลท่องเที่ยวระดับหนึ่ง คนรู้จักก็เริ่มมาขอคำแนะนำเวลามายุโรปส่วนมากจะให้ช่วยจัดทริปให้เบื้องต้นว่าควรจะไปเที่ยวที่ไหน นอนพักที่ไหน รับประทานอาหารที่ไหนเราก็ทำแพลนให้ พอเห็นทุกคนทำตามแล้วสนุกเลยรู้ตัวเองชัดขึ้นว่าเราทำเรื่องการท่องเที่ยวได้นะ" สาวนักท่องโลกวัย 30 ต้นๆ เล่าจุดเริ่มต้นที่มาจากความชื่นชอบส่วนตัว
หลังจากเรียนจบว่าที่นักออกแบบการเดินทางกลับมาประเทศไทยในบทบาทสาวเอเยนซี่โฆษณาให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่หลงรักมากคือการบุกเบิกสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ทั้งไทยและต่างประเทศ หนึ่งปีหลังจากนั้น บริษัท ณพีศ์รา ทราเวล สไตล์ลิสต์ จำกัด ก็เปิดตัวขึ้นด้วยความกระหายอยากเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนใหม่ที่คอยหาจุดหมายแปลกใหม่ให้อยู่เสมอ ซึ่งคนนั้นก็คือลูกค้าทัวร์ทั้งหมดของเธอเอง
"บีตั้งคอนเซ็ปต์การเดินทางไปกับบริษัทเราว่า ไม่ว่าคุณอยากไปเที่ยวที่ไหน ต้องการอะไร เราสามารถดีไซน์การท่องเที่ยวให้คุณได้ เวลาที่เราไปเที่ยวเองบีไม่ลืมทำความรู้จักกับซัพพลายเออร์ รู้จักกับคนที่ดูแลการท่องเที่ยวของประเทศและเมืองนั้นๆ เราสร้างคอนเนกชั่นหลากหลายรูปแบบ เลยเริ่มต้นด้วยความมั่นใจตัวเองในระดับหนึ่งว่าเราสามารถตอบโจทย์ต่างๆ ของลูกค้าที่มาให้เราช่วยวางแผนการเดินทางได้แน่นอน เริ่มเปิดบริษัทก็ลองพาเพื่อนและคนรู้จักรอบตัวไปเที่ยวด้วยกันก่อน แบ่งทีมหาลูกค้าใหม่โดยให้พนักงานเซลส์วิ่งไปตามองค์กรต่างๆ เป็นจุดเริ่มที่เหนื่อยกันทุกฝ่ายใช้เวลาสร้างความเชื่อใจกับลูกค้าอยู่นาน แต่ก็ได้ผลดีค่ะเพราะลูกค้าได้ใช้บริการแล้วประทับใจกับทัวร์รูปแบบนี้ มีการบอกต่อไปเรื่อยๆ หลากหลายวงการ จนมีดาราเซเลบริตี้ชื่อดังที่มาร่วมทริปแล้วประทับใจก็ช่วยโปรโมทให้ผ่านโลกโซเชียลอีก มีรายการท่องเที่ยวติดต่อเพื่อจัดทริปหามุมมองใหม่ในประเทศต่างๆ มาออกอากาศ เป็นชื่อเสียงที่ค่อยๆ ก่อตัวด้วยความสุขและส่งต่อกันปากต่อปาก" รอยยิ้มภูมิใจเล็กๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อเล่าถึงความสำเร็จทีละก้าว
บีเล่าให้ฟังต่อว่า ปกติการเดินทางของบริษัทจะมี 3 แบบ ตั้งแต่ ทราเวล สไตลิสต์ ทูเก็ตเตอร์ คือกลุ่มบริษัท หน่วยงานภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย จำนวน 20 คนขึ้นไป ลูกค้าแรกๆ คือกลุ่มผู้บริหารผู้ใหญ่ที่เราเคยได้พูดคุยทำงานด้วย ท่านก็เมตตาเลือกให้เรามาช่วยจัดทริปพาพนักงานไปท่องเที่ยว คงเพราะส่วนตัวชอบศึกษาวัฒนธรรมองค์กรของลูกค้าด้วยเลยรู้ว่าเขาต้องการประมาณไหน ต้องเพิ่มเติมอะไรให้ลูกค้าถูกใจทุกอย่างก็ราบรื่น ต่อมาคือการเดินทางแบบ ทราเวล สไตลิสต์ ยูนิีก สามารถเดินทางได้ไม่เกิน 10 คน เป็นกลุ่มเพื่อน ครอบครัว หรือไปฮันนีมูน เดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ ส่วนมากลูกค้าจะกำหนดสิ่งที่ตัวเองต้องการเห็นต้องการไปสัมผัสกันอยู่แล้ว เช่น ไปญี่ปุ่นอยากจะรับประทานอาหารท้องถิ่นทุกมื้อ หรืออยากไปยุโรปเพื่อชิมอาหารมิชลินสตาร์ทุกวัน อยากมีที่พักที่เป็นส่วนตัว มีคนขับรถ มีไกด์ท้องถิ่นดูแล ต้องการโปรแกรมไม่เร่งรีบ ลูกค้าสามารถกำหนดได้เอง เชื่อมโยงไปถึงการท่องเที่ยวแบบทราเวล สไตลิสต์ ลักซ์ คือกลุ่มคนที่ต้องการความหรูหรา ตื่นตา อลังการ เราได้มีโอกาสดูแลบุคคลสำคัญ คนดังของประเทศบ่อยๆ จะเป็นการเที่ยวอีกสไตล์หนึ่งคือเป็นลูกค้ากลุ่มนี้เดินทางบ่อยอยู่แล้ว ได้เห็นมาเยอะแล้วการเดินทางเลยเจาะจงไปกับสิ่งที่แปลกใหม่หรือไปดูสิ่งที่สนใจศึกษามากกว่า เช่น อยากไปชมไร่องุ่น โรงบ่มไวน์ยี่ห้อดัง อยากดูการทำนาฬิการะดับโลก หรือนอนในปราสาทโบราณ คฤหาสน์สวยๆ รับประทานอาหารมิชลินสตาร์ทุกมื้อ ล่าสุดเรามีทริปมิลาน เอ็กซ์โป สิ่งแรกที่ลูกค้าต้องการคือหาบัตรฟาสต์แทร็กให้เข้างานไปได้โดยไม่ต้องต่อคิว ดูเสร็จก็ไปชิมไวน์ซึ่งเราก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านไวน์ของประเทศไทยไปเป็นผู้ให้ความรู้ในทริปนั้นด้วย
เรื่องความรอบรู้เรื่องเที่ยวนั้น ทราเวล สไตลิสต์ บอกว่า มาจากความชอบหาข้อมูลใหม่ๆ วันว่างจะไม่วางมือจากอินเทอร์เน็ต หนังสือท่องเที่ยว และติดต่อกับเพื่อนหลากหลายประเทศ เพื่อคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้คำแนะนำกัน ทั้งนี้ยังไม่ลืมสอบถามคนรอบตัวที่ไปเที่ยวมาว่าพบเจออะไร และมีอะไรแนะนำเธอจะพร้อมรับฟังอย่างตั้งใจเสมอ
"จริงๆ การท่องเที่ยวมีอีกหลายรูปแบบทั้งเชิงสุขภาพ เชิงอนุรักษ์ เยี่ยมชมสภาพเศรษฐกิจ เที่ยวแบบลุยๆ เข้าถึงวิถีชุมชน เที่ยวแบบประหยัดพลังงาน เช่น การขี่จักรยานชมเมือง เท่าที่สัมผัสมาประเทศไทยมีหมดนะคะ แต่เรายังไม่ค่อยเห็นใครเจาะลึกตรงนี้ ที่สำคัญคนไทยเป็นคนน่ารัก มีน้ำใจ เป็นเสน่ห์ที่หาได้ง่ายกว่าประเทศอื่นๆ เวลามีแพลนเดินทางในประเทศก็จะพยายามหยิบมุมเหล่านี้มาเสนอลูกค้าให้ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการท่องเที่ยวไทยไม่ได้พาไปแต่แลนด์มาร์คของจังหวัดนั้นๆ"
อีกประเทศหนึ่งที่บียกมาเป็นตัวอย่างระหว่างการสนทนาก็คือ อินเดีย เธอบอกว่า ประเทศนี้มีสังคมที่หลากหลาย คนที่นับถือศาสนาพุทธก็อยากไปสังเวชนียสถานหลายๆ ที่อยู่ห่างกันมากก็มีการเดินทาง มีให้เลือกตั้งแต่นั่งรถไปเรื่อยๆ สัมผัสวิถีชุมชน จนถึงจัดไพรเวทเจ็ตให้นั่งไปแสวงบุญครบทุกที่สำหรับคนที่มีเวลาไม่มากนัก อินเดียยังมีมุมหรูหราตื่นตาอยู่มากนอกจากเมืองเศรษฐกิจ เมืองศาสนา ยังมีเมืองที่มีแต่คนมีฐานะอยู่เกือบทุกบ้าน ซึ่งจริงๆ นักท่องเที่ยวก็สามารถไปนอนในปราสาทของเมืองในรัฐสถานได้
“บีเคยมีจัดทริปไปนอนในปราสาท ตื่นมาตีกอล์ฟ มีโอกาสพูดคุยกับเจ้าชายอินเดียในเมืองนั้นๆ ด้วย ส่วนฝั่งยุโรปอย่างในประเทศฝรั่งเศส หอไอเฟล พระราชวังแวร์ซาย ทราเวล สไตลิสต์บอกว่า บางคนไปมาหมดแล้ว จะช็อบปิ้งก็เบื่อแล้วแต่ยังมีมุมไร่ไวน์สามารถไปสัมผัสธรรมชาติกินอาหารดีๆ ได้ อยู่ประเทศญี่ปุ่นนอกจากจะไปหาร้านอร่อยๆ กินแล้วยังมีเมืองที่นิยมการเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์อย่างโอกินาวาอีก ถ้าทริปลุยจริงๆ ก็เคยมีไปในทวีฟแอฟริกามีกิจกรรมกลางแจ้งเยอะมากและสามารถนอนเต็นท์ในหมู่บ้านชนเผ่าพื้นเมืองได้ บีมีข้อมูลรอบตัวแบบนี้เยอะ พอลูกค้าเสนอคำว่าอยากไปทำอะไรก็นึกออกไม่ยากว่าจะแนะนำที่ไหนให้ได้บ้าง” เจ้าตัวยกตัวอย่างมุมมองการท่องเที่ยวแปลกใหม่ที่เคยสัมผัสและใช้ตอบโจทย์ลูกค้ามาแล้ว
บางโจทย์กำหนดมาอย่างท้าทายความรอบรู้และบริการ เช่น มีลูกค้าส่งแค่รูปอาหารให้ดู ไม่รู้สถานที่ตั้ง ไม่รู้ชื่อร้าน และกำหนดว่าต้องรับประทานเมนูนี้ให้ได้ หน้าที่ของทราเวล สไตลิสต์ต้องไม่ปฏิเสธตั้งใจหากันจนเจอในที่สุด หรือลูกค้าอยากต้องการเซอร์ไพรส์คนพิเศษก็ควรช่วยเนรมิตบรรยากาศ อาหาร หรือช่วยหาสิ่งของแทนใจสำคัญๆ และเป็นส่วนตัวก็ทำให้ลูกค้าจนเป็นผลสำเร็จ
"งานทัวร์มีรายละเอียดเยอะค่ะ ทำคนเดียวให้ดีทุกอย่างไม่ได้ ต้องประสานหัวหน้าทัวร์ และไกด์ท้องถิ่น การที่เราจะฝากลูกทัวร์ให้หัวหน้าทัวร์สักที่บีเลือกคนที่มีความเชื่อใจกันมากๆ ว่าเขาจะดูแลลูกค้าบีได้ เริ่มจากคิดบวกเชื่อว่าสิ่งที่เราปฏิบัติต่อคนรอบตัว ลูกทัวร์ ลูกน้อง ถ้าทำด้วยความคิดดี ก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาหาตัวเราด้วย ที่เหลือก็ดูรายละเอียดเรื่องการจัดการ คิดให้รอบคอบลงตัวทั้งหมด มีแพลนสำรองเผื่อไว้เพราะอาจมีเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ จุดหมายก็เปลี่ยนจะเปลี่ยนยังไงให้ลูกค้าพอใจ ที่สำคัญเราต้องมีดีเทลเล็กๆ น้อยๆ แสดงถึงความใส่ใจ เช่น น้ำ ขนม ระหว่างเดินทาง มีของเซอร์ไพรส์ลูกทัวร์ทำให้เขาได้มากกว่าที่เขาคาดหวังไว้" ทราเวล สไตลิสต์เมืองไทยบอกเล่าหลักปฏิบัติสำคัญของอาชีพที่เธอรักทิ้งท้าย
ชอบเรียน จึงรอบรู้
เทคนิคการหามุมมองใหม่ๆ ของ “บี” ณพีศ์รา ลูกสาวของบ้านนักธุรกิจ ศักดิ์ และ จิตราภรณ์ เตชาชาญ คือให้ความสำคัญกับการศึกษามากเป็นพิเศษ หลังจากจบจากมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ ด้านมัลติมีเดีย มาร์เก็ตติ้ง เธอบอกว่าไม่เคยหยุดร่ำเรียนตามคอร์สขององค์กรต่างๆ ทั้งสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สยาม คอมเมอร์เชียล แบงก์, ธนาคารกสิกรไทย, สถาบันพระปกเกล้า เป็นต้น เน้นเรื่องธุรกิจ การเงิน อสังหาริมทรัพย์ หลักสูตรผู้นำ ผู้ประกอบการในอนาคต อีกกว่า 8 โครงการ จนปัจจุบันได้ร่วมเป็นสมาชิกนักธุรกิจรุ่นใหม่ของหอการค้าไทยอีกด้วย
“บีเป็นคนชอบเรียน ชอบเข้าสมาคม เพราะนอกจากความรู้ก็ได้พบผู้คนหลากหลายมากขึ้น การที่บีได้เข้าคอร์สแต่ละครั้งทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่จากหลักสูตรต่างๆ ได้รู้จักวัฒนธรรมองค์กร ว่าแต่ละที่มีความต้องการอย่างไร รู้จักเพื่อนใหม่มากจากหลายจังหวัดเป็นโอกาสให้เราได้แลกเปลี่ยนวิธีการทำงานกัน ได้ศึกษาคนหลายรูปแบบเมื่อการจัดทริปดูงานเราได้ลงพื้นที่เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละจังหวัดว่าแต่ละที่เป็นอย่างไร เอามาปรับใช้กับอาชีพนักออกแบบการเดินทางได้ดีเลยค่ะ ทั้งเรื่องสถานที่ใหม่ๆ ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบทุกความต้องการ และยังเป็นการสร้างคอนเนกชั่นที่ดีอีกด้วย” สาวนักจัดเที่ยวให้แง่มุมของตัวเอง
0 comments:
Post a Comment