3 ก.ย. 58 เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการถอดยศข้าราชการตำรวจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า "ผมยังไม่ได้ลงนามขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เจ้าหน้าที่กำลังทำกันอยู่ ผมยังไม่ได้เซ็น เพราะมันจะต้องเขียน และทำอะไรอีกเยอะแยะ ส่วนขั้นตอนแรกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอเรื่องการถอดยศขึ้นมาตามขั้น ตอนนั้นผมเซ็นรับทราบไปแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการทูลเกล้าฯ สำหรับการขอคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์นั้น ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพราะขั้นตอนการถอดยศยังไม่ได้ทำเลยแล้วจะให้ไปทำในเรื่องการขอคืนเครื่องราชฯ ได้อย่างไร เรื่องดังกล่าวก็เป็นเรื่องของ สตช. ซึ่งเขาก็คงจะพิจารณาเสนอเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อถามว่า ถอดยศแล้วจำเป็นจะต้องถอนเครื่องราชฯ ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องไปหาข้อมูลมา โดยต้องไปดูที่ข้อกฎหมาย อย่าเพิ่งถามผมอะไรตอนนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีเยอะแยะไปหมด ที่ผ่านมามีการปลดมาเยอะแยะแล้ว 600 - 700 คน แล้วมีการคืนเครื่องราชฯ หรือเปล่า ก็ต้องไปดูว่ามีกรณีใดบ้าง วันนี้อย่าไปสนใจว่าชื่ออะไร ถ้าผิดก็ปลดและถอดยศทั้งหมด ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่ถอด 600 - 700 คน แต่เป็นเพราะสื่อไม่สนใจ เพราะคนพวกนี้ชื่อมันโนเนม มีการกระทำความผิดทั้งตำรวจ ทั้งทหาร ก็ถอดยศทั้งหมด แต่บังเอิญเป็นคนนี้ ยุ่งอยู่นี่ ยุ่งไม่เลิก ก้าวไม่พ้นสักที ให้ความสำคัญไปเรื่อย มันก็สู้อยู่อย่างนี้ สู้ไม่เลิก ลองไม่สนใจสัก 10 วัน มันจะตายหรือเปล่าไม่รู้ ไม่ต้องทำอะไรกัน ตื่นเต้นกันไปหมด ขยับตัวทีก็ตื่นเต้น ทำไมจะต้องไปตื่นเต้นกันนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า นายกฯ ยังมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงสู้ต่ออยู่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ผมไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น วันนี้ผมพูดถึงสื่อ พอเขาขยับตัวนิดหนึ่ง สื่อก็ไปพูดว่าเขาสู้อยู่ อีกฝ่ายก็สู้ต่อ พอสื่อไปเขียนอย่างนี้ มันก็เลยสู้กันอยู่อย่างนี้ สำหรับผมไม่สู้กับใคร ถ้าเข้ามาก็จับเท่านั้น ถ้าส่งเสริมใครกระทำความผิดก็จับ จับไอ้คนทำ ขณะนี้ก็กำลังทำอยู่ทั้งหมด แต่ขอร้องว่าอย่าทำกันเลย สื่อเองก็อย่าไปเปิดพื้นที่ให้คนนั้นคนนี้พูด เดือดร้อนกันไปหมดแล้ว ทุกคนก็ไปบอกว่าบ้านเมืองไม่สงบสุขเป็นเพราะผมเข้ามาแล้วมันจะจบหรือไม่ล่ะแบบนี้ ถ้าผมไม่เข้ามาป่านนี้รอบทำเนียบฯ ก็ยังคงไม่จบ ม็อบก็คงยังอยู่โดยรอบ ตายกันอีกเป็นร้อย แล้วสื่อเดือดร้อนกันหรือไม่ หรือเป็นเพราะไม่ใช่ญาติฉัน ปัดโถ่"
'อ๋อย' ผิดซ้ำซาก 'ซ่า' ยกเลิกพาสปอร์ต
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการยกเลิกพาสปอร์ตของนายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ว่า เป็นเรื่องที่ผิดซ้ำซาก ผิดมาหลายเรื่อง คดีความก็เยอะ เรียกมาเป็นสิบๆ ครั้งแล้ว
"นี่ก็ยังมีอีกหลายคน ถ้าเราไม่มีกติกา ก็จะเดินหน้าไม่ได้ ในเมื่อวันนี้ผมถูกมองแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว และขอให้จำคำพูดผมไว้ และเขียนไว้ด้วยว่า สิ่งที่ผมทำแบบนี้แล้วประเทศได้อะไร อย่ามามองว่าผมทำประเทศเสียหาย ให้ไปถามดูว่าวันนี้ดีกว่าเดิมหรือไม่ และไม่ต้องมาถามว่าถ้ามีคนมาวิจารณ์อีก จะเรียกมาหรือไม่ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผมจะพิจารณาเอง ไม่ต้องมาตั้งกฎเกณฑ์ มาตีกติกาให้ผม ถ้าจะทำ ผมก็จะทำให้เป็นธรรมมากที่สุด อย่ามารบกับผมแบบนี้ ขอให้ดูพฤติกรรม ถ้าตักเตือนแล้วหลายครั้ง ไม่เชื่อฟัง ก็ต้องถูกลงโทษกันบ้าง ถ้าไม่อยากถูกลงโทษ ก็ไปรอให้มีรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งแล้ว ก็ไปว่ากันตอนนั้นเอาเอง"
เมื่อถามว่า ระยะนี้จะทำอย่างไรให้เกิดความเข้าใจ และเกิดการเดินหน้า นายกฯ กล่าวว่า ตนพูดแล้วก็ไม่รู้จักฟัง พูดจนคอจะแตก พูดทุกครั้ง ทุกที ก็ยังจะมาบอกให้ตนรับผิดชอบ จะผ่านหรือไม่ผ่านให้มาเอาที่ตน อยากถามว่าอำนาจเป็นของตนคนเดียวหรือ ตนมีหน้าที่ที่จะทำให้ประเทศชาติเป็นหนึ่งเดียว สงบสุข และเดินหน้าต่อไป แต่หน้าที่ของพวกท่านคือจะอยู่กันอย่างไร ตนทำทุกอย่างให้แล้วก็ยังไม่เอาอีก
'ประวิตร' ไปจีน ไม่คุยเรื่องอุยกูร์
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศจีน ว่า ไม่ได้มอบหมายให้ไปพูดคุยเรื่องอุยกูร์ พล.อ.ประวิตร ก็บอกแล้วว่า จะไม่คุย หากเขาไม่คุย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับจีน เป็นปัญหาของบ้านเรา บางเรื่องอาจเป็นปัญหาระหว่างประเทศก็จะพูดแต่คนที่เกี่ยวข้อง ที่ผ่านมาตนก็ไม่เคยพูดว่าเป็นคนพวกไหน การจับกุมผู้ต้องสงสัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ ก็ดูตามพาสปอร์ต ต้องพิสูจน์สัญชาติก่อน ประเทศต้นทางต้องมาชี้แจงว่าพาสปอร์ต ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าใช่ออกมาได้อย่างไร ถ้าพาสปอร์ตถูกต้องก็ไม่ผิดเรื่องนี้ แต่อย่างไรก็ผิดเรื่องหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพราะตรงกับที่พักที่จับกุมได้ ทำไมต้องพูดให้เดือดร้อนกัน จากนี้ต้องสอบต่อไปว่าใครเกี่ยวข้อง ไม่ใช่ว่าประเทศกับประเทศมีปัญหากัน
เมื่อถามว่า เรื่องอุยกูร์ ทางจีนได้ให้ข้อมูลอะไรกับเราบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ได้ให้อะไรเพราะไม่ได้เกี่ยวกับเขา เมื่อถามต่อว่า อุยกูร์ บางกลุ่มอาจเคยเคลื่อนไหวในประเทศจีน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าเป็นอุยกูร์ที่ไหน ส่วนการจับกุมผู้ต้องสงสัยคนที่ 3 ที่ จ.นราธิวาส นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็จับมา โยงคนไหนก็จะจับเรื่อยๆ
เมื่อถามถึงกรณีที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่า จะมีการปรับโครงสร้างความมั่นคง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การปรับปรุงอุปกรณ์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมือง ไม่ถือว่าเป็นการปรับโครงสร้าง เป็นการพัฒนา ถ้าปรับโครงสร้างความมั่นคง คือ การยุบ สมช.ตั้งกระทรวง แค่นี้เป็นการพัฒนาเครื่องมือว่าสมบูรณ์หรือยัง ที่ผ่านมาเป็นเบี้ยหัวแตก แต่ไปเสียในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่บ่น ส่วนเครื่องมือพอจะซื้อ ก็บอกแพง โกง ทุจริต แต่วันนี้กลับพูดว่า ทำไมไม่ทันสมัย ส่วนเรื่องบูรณาการงานด้านความมั่นคงนั้น ตนทำมาสองปีแล้ว สั่งคนเดียวให้มีเอกภาพ
ไล่ก็ไม่ไป จะอยู่ตามรธน. ยันสั่งเขียนรธน.ไม่ได้
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในนการมอบนโยบายในการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champions) ว่า ประชาธิปไตยกำลังสับสนกันอยู่ ระหว่างที่เป็นประชาธิปไตยเสรีภาพ สิทธิเป็นหลัก และเรื่องของคะแนนเสียงอะไรก็แล้วแต่ แต่วันนี้ตนไม่มีคะแนนเสียง ใครจะเกลียดตนก็ไม่เป็นไร ใครจะชมก็ดีชื่นใจมีกำลังใจ
"ใครจะเกลียดผม ผมก็ไม่ว่า เพราะผมไม่ไปอยู่แล้ว ผมจะไปตามรัฐธรรมนูญ ใช่ไหมเล่า จะไล่ผมได้ยังไง ไล่ผมไม่ได้อยู่แล้ว ผมก็อยู่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวของผมนี่แหละ มีแค่ไหนก็แค่นั้น"
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในระหว่างนี้ในเมื่อตนยืนยันว่ายังอยู่ยังงี้ในช่วงเวลาที่เราเหลืออยู่ประมาณสักปีนึง เราต้องทำให้ได้ เราต้องขับเคลื่อนประเทศให้ได้ สร้างรากฐานให้เข้มแข็งทุกภาคส่วนทั้งความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม ว่าที่ควรจะเป็น
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงรัฐธรรมนูญว่า หรือตนคิดผิดเรื่องการปฏิรูป หรือประชาชนคาดหวังว่าคนอื่นจะทำให้ท่านต่อ หรือจะเขียนรัฐธรรมนูญแค่มาตราหนึ่งเกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัวและสถาบันฯ ส่วนมาตรา 2 บอกว่าทุกอย่างเชิญตามสบาย ใครจะทำอะไรก็ทำ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเขามีเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งตนพูดเสมอว่าไม่มีอะไรในโลกที่เท่าเทียมกันจริงในโลกนี้ แต่กฎหมาย กติกา สัญญาทุกคนต้องได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง เท่าเทียมมากน้อยตามศักยภาพ
"กฎหมายไม่ได้เอาไว้ฆ่าท่าน ไม่ได้รังแกคนจน ไม่ใช่ กฎหมายมีประโยชน์ทั้งสองข้าง แต่ฝ่ายรัฐเป็นคนบังคับใช้เขาก็บังคับใช้อย่างทั่วถึงเป็นธรรมทั้งหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ความขัดแย้งก็ลดลง ก็นำไปสู่การขับเคลื่อนไปพร้อมกัน"
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนพูดจนเมาหมัดไปหมดแล้ว และเดี๋ยวนี้นึกอะไรไม่ออก จะนึกคำพูดที่มันเจ็บๆ ก็ยังนึกไม่ออก เพราะว่าสมองมันแย่แล้ว แต่ไม่เป็นไรยังไม่แฮงก์ ไม่เป็นไรยังทำได้ เพราะได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็มีกำลังใจที่จะทำต่อเท่าที่มีโอกาสมีเวลาทำตามที่กำหนดไว้ ส่วนจะอยู่หรือไม่อยู่ให้ไปดูที่รัฐธรรมนูญ เพราะตนสั่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ว่าจะผ่านหรือไม่
"ถ้าผ่านก็ไม่ชอบ พอไม่ผ่านอีกพวกก็หาว่าผมสั่งการ ผมลำเอียงไม่ได้สักอย่าง"
นายกฯ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งการออกมาพูดทีวีกลุ่มนี้พูดกลุ่มนี้ตต้องพูด ถ้าไอ้กลุ่มไหนพูดแล้วมันไม่ขัดแย้งกับรัฐบาลผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่ถ้ากลุ่มไหนพูดแล้วขัดแย้งก็ไม่ให้พูด เพราะตนเป็นกรรมการ ไม่เช่นนั้นตนก็ไม่มายืนตรงนี้ให้ใครขึ้นมาก็ได้ ลูกน้องพลขับก็มาได้ สั่งง่ายๆ
"ถ้าผมเป็นกรรมการ ให้เวลาท่านเป็นกรรมการมานานแล้ว แล้วท่านทำไม่ได้ วันนี้ผมเป็นกรรมการแล้วผมจะทำให้ได้ ถ้าท่านคิดว่าจะไม่เอากรรมการแบบเดิม ก็ไปว่ากันมาตัดสินใจกันมา"
นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าประชาชนเรียกร้องมากๆ จากรัฐ รัฐก็ไม่มีให้ แต่ที่ผ่านมาให้เฉพาะกลุ่มเฉพาะพวกเฉพาะที่รู้จัก ก็ธรรมดา ประเทศไทยเขาเรียกว่าเป็นระบบเครือญาติ ก็แก้ได้ยาก ต่อมาก็เรียกว่ากตัญญูรู้คุณ ซึ่งเราควรกตัญญูรู้คุณแต่คนดี คนที่มีศีลธรรมมีคุณธรรม และถามว่าที่ผ่านมาที่เขาให้เรามันถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกก็แสดงว่าไอ้คนนี้มันใช้ไม่ได้ ถ้าเราแข็งใจแบบนี้ประเทศก็ไปได้
นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้ปวดหัวเพราะรับทุกเรื่อง ที่ปวดหัวเพราะรับทุกเรื่อง ถ้าตนใช้อำนาจอย่างเดียวก็ไม่ปวดหัวอย่างนี้หรอก ใช้อำนาจอย่างเดียวทำงานมันง่ายจะตาย ใครทำไม่ได้ก็เอาออกไป ไล่ออกไป แต่ท้ายที่สุดจะเหลือกี่คนทำงานด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นต้องร่วมมือกันเพราะใครคนใดคนหนึ่งทำไม่ได้ และตนไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ตนโทษคนกำกับดูแลที่ผ่านมา
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทำงานเต็มที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และ ครม.เก่าก็ทำงานเต็มที่ เมื่อวาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และท่านยังสรุปงานเป็นเอกสารมาถึงตน ซึ่งวิธีการต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ตนไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นทีมงาน เป็นเพื่อนร่วมตายของผม
ร่าง รธน.ผ่านโหวตลงมติ ไม่ได้ขึ้นกับนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงต่อกรณีการขออนุญาตแสดงความคิดเห็นการวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ทุกประเทศในโลก ถ้าเป็นประชาธิปไตย100% ใครอยากพูดอะไรก็พูดได้ แต่ก็รู้กันอยู่ว่าประเทศไทยไม่ได้100% ดังนั้น เอาเอาเรื่องนี้มาพูดกับตน ใครก็ตามที่พูดแล้วสนับสนุนแนวทางรัฐบาล โดยสนับสนุนให้เป็นไปตามโรดแม็พ สามารถพูดได้ แต่ถ้าพูด แต่มาต่อต้านตนก็จะทำให้โรดแม็พเดินต่อไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ต้องแยกออกจากกันให้ได้ ไม่ใช่คนนี้พูดได้ คนนั้นก็ต้องพูดได้บ้าง ไม่ใช่ว่าใครมาพูดเข้าข้างตน เขาพูดตามโรดแม็พของเขา ทั้ง 2 พวกตนก็ให้พูดมาโดยตลอด หรือจะมาบอกว่าไม่เคยได้พูด
"เรื่องที่รัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน มันไม่ใช่ผมสั่งหรือไม่สั่ง แต่อยู่ที่พวกท่านจะเรียนรู้ว่าจะอยู่กันอย่างไรในอนาคต จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง จะอยู่ท่ามกลางการเมืองที่ไม่เหมือนปัจจุบัน ถ้าจะเอาแบบนั้นก็เอา แต่สิ่งที่จะเตือนไว้คือ รัฐธรรมนูญมีอยู่หลายหมวด หลายมาตรา อย่าไปดูแต่ 1 2 3 4 5 ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าอย่างนั้นมันก็คงจะไม่เป็นประชาธิปไตย ต่อให้พูดให้เป็นมันก็ไม่เป็น แต่ความชั่วร้ายที่มันเกิดขึ้น ที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบมันจะมีหรือไม่ ชัดเจนนะ ชัดเจน"
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หลายประเทศ ในสถานการณ์ปกติที่ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหาร เขายังออกกฎหมายมาตั้งเท่าไหร่ ทำไมไม่ไปดูบ้าง ที่เขาทำ ก็เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองสงบ พัฒนาประเทศได้ บ้านเมืองเขายิ่งกว่าเราอีก ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สหรัฐฯ ยังรับรองเขาหมด แต่เขาจำเป็นก็ต้องเห็นใจเขา เพราะบ้านเมืองจะสับสนไม่ได้ ซึ่งเขาขนาดบ้านเมืองสับสนแบบนั้นเขายังไม่ยอมเลย แต่บ้านเราสับสนแล้วยังใช้อาวุธอีก แน่ใจหรือไม่ว่าจะไม่มีการใช้อาวุธอีก ในรัฐบาลต่อไป รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตอบมาซิ ตอบสังคมให้ได้ว่าจะหยุดยั้งเหตุการณ์เหล่านั้นให้ได้ จะปฏิรูปอะไร ถามเขา ไม่ใช่ ถามแต่ว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอย่างนั้น แล้วมาทะเลาะกัน มันได้อะไรขึ้นมา
"ผมเป็นคนกำหนดกติกา ผมร่าง ผมทำมาแบบนี้ ทำจนแทบจะเป็นอาหาร ให้กินแล้ว ยังไม่เลือกที่จะกินอีก ถ้าจะทำใหม่ก็ไปกินที่อื่น ไปเปิดร้านหากินกันเอาเอง เข้าใจหรือยัง ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไม่ได้ว่าใคร แต่ใครที่ทำความเสียหายก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าจะให้ทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมารับผิดชอบ แต่ทุกอย่างที่ผ่านมาผมรับผิดชอบอยู่คนเดียว พูดแบบผมพูดซิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความหรือเรื่องศาล ผมจะผิดทั้งหมด ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ ว่าวันหน้าถ้าเลือกตั้งแล้ว จะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเดิมอีก ถ้าประท้วง ก็จะต้องแก้ปัญหาให้ได้ ถ้ายิงกัน ฆ่ากัน ระเบิดกัน เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ได้ มีพูดหรือไม่ วันนี้มาตีผมเรื่องเศรษฐกิจประชานิยม ว่าเหมือนประชานิยมรัฐบาลในอดีต มันเหมือนตรงไหน มันเหมือนเพียงแค่เอาเงินลงไปให้ถึงหมู่บ้านเท่านั้น เขามีการคัดกรองหรือไม่ คัดกรองก็ไม่ทั่วถึง ไปลงให้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก ซึ่งร้องเรียนกันมามากมาย มาตอนนี้ผมไปดูว่าจะช่วยเขาอย่างไร อาจให้ทหาร ให้คสช. ไปช่วยดูที่เขาล้มๆ เจ๊งๆ อยู่ และจะทำให้ยั่งยืน"
สั่ง ศธ.ดูแลการรับน้อง หลังมีคลิปไม่เหมาะสม
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบายในการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champions) ว่า เมื่อเช้าตนได้ดูข่าวการรับน้องที่ไม่เหมาะสม ทุกคนคงได้ดูแล้ว ซึ่งมีการปฏิเสธไม่ว่าเป็นอะไร เพราะไม่ใช่ผู้หญิงทั้งที่แต่งตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งตนคิดว่าเป็นปัญหาสังคม ซึ่งปัญหาสังคมเป็นที่มาของปัญหาเศรษฐกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการรับน้องใหม่ว่า โดยนายกฯ ได้ส่ายหน้าแสดงความเบื่อหน่าย พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า เรื่องนี้กระทรวงศึกษาธิการเขาดูแลอยู่
หน่วยงานเบิกจ่ายงบช้า อ้างโดนตรวจสอบ
พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงการเบิกจ่ายงบประมาณ ว่า พอคุมมาก งานไม่เดิน จะปล่อยให้โกงแล้วจ่ายเงินไปก็ไม่ได้ แต่ทั้งนี้เขาไม่ได้จับทุจริตทุกอัน วันนี้เขาให้ใช้จ่ายเงินให้เร็ว และที่บอกว่าเบิกจ่ายช้า เพราะว่ามีคณะกรรมการตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นั้น ถามว่า จะไม่ให้ตรวจสอบเลยหรืออย่างไร ก็ต้องให้เขาตรวจสอบตามปกติอยู่แล้ว อันไหนไม่มีเรื่องเขาก็ไม่ยุ่ง คตร.ก็ไม่ได้ตรวจสอบทั้งขั้นตอน แต่ส่ง ป.ป.ช สตง. เพราะที่ผ่านมาเขาไม่ทำ รัฐบาลไม่สนใจ พอมีเรื่องขึ้นศาลก็บอกไม่เป็นธรรมก็บอกแบบนี้ตลอด ก็ต้องช่วยกันไม่ให้เกิดขึ้น มีแต่พยายามเร่งรัดงบประมาณ ที่งบมากกว่าปีที่แล้วและเร็วกว่าปีก่อน แต่ก็ไม่ทันใจ เพราะต้องตรวจสอบบ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ถ้าทำทุกอย่างภายในเวลาที่ตนมีอยู่ให้เสร็จแล้วใช้เงินมหาศาลมันก็ไปไม่ได้ แล้วภาระหนี้สินจะอยู่ข้างหน้า ซึ่งตนไม่ทำแบบนั้น ตนจะไม่ทำประเทศให้เป็นภาระเหมือนที่รับอยู่ทุกวันนี้ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับหนี้สาธารณะก็ทราบดี ดีที่ยังไม่เกิน สิ่งที่กำลังจะทำคือต้องเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้กับประเทศ
แนะเอสเอ็มอีเดินตามโรดแม็พที่เขียนไว้ให้
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบายในการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champions) ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) ว่า การสนับสนุนธุรกิจและแก้ไขปัญหาเอสเอ็มอี เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลนำทุกอย่างที่เป็นประเด็นปัญหามาแก้ไข เพื่อให้ขับเคลื่อนเดินหน้าไปให้ได้ ทั้งนี้ สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ปัญหาเรื่องของการขับเคลื่อนที่ทุกวันนี้ทุกคนรู้ปัญหาแต่ขับเคลื่อนไม่ได้ และไม่ใช่หน้าที่ของตนและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งที่ผ่านมา เอสเอ็มอีมีปัญหาเรื่องภาษี จึงไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ เพราะถ้าเริ่มจากสิ่งที่ผิดก็ผิดตลอด ก็ไม่ทั่วถึงเหมือนเดิม และปัญหาของทุกเรื่องคือเรื่องของข้อมูล ถามว่าวันนี้เอสเอ็มอี 2.7 แสนราย มีความชัดเจนแล้วหรือยัง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาต้องบูรณาการทุกกระทรวง แต่ทุกวันนี้ต่างคนต่างคิด ทำให้ทุกอย่างเดินไม่ได้ เพราะเอสเอ็มอีเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของประเทศ 90% ที่ทำให้ประเทศเข้มแข็ง แต่เอสเอ็มอีขนาดเล็กและกลางต้องล้มเพราะไม่มีความพร้อม ไม่สามารถเดินหน้าได้ ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้สนใจให้ความรู้ในการให้เขาไปช่วยเหลือตัวเอง มีแต่ให้ทุน แต่กลับไม่ทั่วถึง อีกทั้งวันนี้มีปัญหาเรื่องงบประมาณที่รัฐบาลต้องจัดสรรนำไปดูแลประชาชน แก้ปัญหาภัยพิบัติ ต้องลงทุนประเทศให้เพิ่มขีดความสามรถในการแข่งขันที่ต้องใช้เงินมหาศาล และมีงานขับเคลื่อนซึ่งเป็นงานฟังก์ชั่นของกระทรวงที่ต้องใช้งบอีกมหาศาล ถามว่าทำไมเราไม่คิดจะแก้ไข จะแก้ปัญหาด้วยเงินกันอย่างเดียวหรือ แล้วจะเอาเงินมาจากที่ไหน เพราะทุกวันนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนมาขอเงินทั้งสิ้น
"ทุกคนกลัวเสียภาษี มันเป็นอะไร มันเป็นหน้าที่ของคนไทย มีมากก็เสียน้อยอีก เสียน้อยก็ไม่อยากเสียอีก วันนี้ที่เสียแน่ๆ คือ ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่เสีย ณ ที่จ่ายเต็มๆ ทุกเดือน แต่คนอื่นมีบริษัทมาตรวจสอบตบแต่งทำบัญชี เดี๋ยวจะตรวจให้หมด"
นายกฯ กล่าวอีกว่า ปัญหาเอสเอ็มอีต้องไม่กลับมาเหมือนเดิมอีก เพราะทุกอย่างพร้อมกลับมาที่เดิมหมด เพราะเราเสียเวลากับความขัดแย้ง เสียเวลาในการรื้อข้อมูลใหม่เพราะผิดมาทั้งหมด เพราะความไม่เอาใจใส่ ข้าราชการก็ไม่มีกำลังใจ เพราะแผนเขียนไปแล้วก็ไม่อ่าน ไม่ทำ แต่วันนี้เขียนแล้วต้องทำ ต้องวางโรดแม็พของรัฐบาล และ สสว. ท่านต้องมีโรดแม็พของท่านด้วย พัฒนาให้ความรู้ ปรับปรุงวิธีการ
สั่ง คกก.ที่ดินช่วยแก้ปัญหาคนจนรุกป่า
พลเอกประยุทธ์ กล่าวถึงการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ไปดูความก้าวหน้า ซึ่งพบว่าทุกอย่างดีหมด แต่ติดปัญหาเรื่องที่ดินในส่วนที่ควรเป็นที่ดินของรัฐ ที่มีคนบุกรุกผิดกฎหมาย ที่เป็นผู้มีรายได้น้อยต้องหาทางดูแลโดยคณะกรรมการที่่ดินฯ ของ คสช. ด้วยการเช่าที่จากรัฐ ไม่ใช่ตกเป็นเครื่องมือของคนรวยตลอด ไม่ใช่บุกรุกแล้วไปขายที่ต่อ ขายทุกอย่าง ขายทุกอย่างที่มี ขายกระทั่งชีวิต ยอมเขาหมดแล้วบอกว่านายทุนเอาเปรียบ แล้วไปขายเขาทำไม
0 comments:
Post a Comment